Limbic Chair เก้าอี้ที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่สภาวะไร้น้ำหนัก และอิสระแห่งการเคลื่อนไหว ออกแบบโดย Limbic Life บริษัทที่มุ่งพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกับความก้าวล้ำทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

.

จุดเริ่มต้นของ Limbic Life ก่อตั้งโดย Dr. Patrik Künzler ที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นหลังลาออกจาก MIT Media Lab โปรดักส์ทั้งหมดสร้างขึ้นภายใต้ความรู้ด้านการแพทย์และความรู้ทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์ ที่ให้ทั้งความสนุกสนาน ดีต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน และที่สำคัญคือใช้งานได้จริง

.

เก้าอี้ Limbic Chair ทำงานด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ที่นำไปสู่การควบคุมการสร้างภาพเสมือนจริง (virtual reality: VR) ควบคุมเกม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ ซึ่ง Künzler ได้ไอเดียในการประดิษฐ์เก้าอี้ชิ้นนี้ขึ้นขณะทำงานวิจัยเกี่ยวกับประสาทวิทยาและระบบลิมบิกที่ MIT หลังจากจบแพทยศาสตรบัณฑิตที่ University of Zurich สวิตเซอร์แลนด์

.

ระบบลิมบิก ทำหน้าที่รับรู้เกี่ยวกับอารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ โดยจะเชื่อมโยงการทำงานของร่างกายให้ทำงานสอดคล้องกับความรู้สึก ณ ขณะนั้น และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกเข้ากับการสั่งการของสมอง โดยร่างกายจะมีแรงจูงใจหรือสิ่งกระตุ้นที่คอยกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวซึ่งจะทำงานอยู่ตลอดเวลา และแรงจูงใจนี้จะส่งผลให้มนุษย์รู้สึกมีความสุขได้ในเวลาต่อมา

.

Künzler ดีไซน์เก้าอี้ชิ้นนี้ขึ้นได้ด้วยการคิดนอกกรอบ ฉีกกฎแพทเทิร์นเดิมๆ ในการดีไซน์เก้าอี้ที่เคยมีมา สร้างสรรค์ออกมาเป็นเก้าอี้ที่ให้ความรู้สึกไร้น้ำหนักเสมือนบินได้ จากไอเดีย ก่อเกิดเป็นผลงานที่จับต้องได้และใช้งานได้จริง ซึ่งโครงสร้างของตัวเบาะนั่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนที่แยกออกจากกัน เพื่อรองรับต้นขาทั้ง 2 ข้าง และให้ความรู้สึกอิสระ ไร้น้ำหนัก ซึ่งผลงานชิ้นนี้ไม่เพียงเป็นผลงานที่เขาภูมิใจ แต่ยังเป็นกรณีศึกษาในงานวิจัยของเขาด้วยเช่นกัน

.

เบาะนั่งบน Limbic Chair จะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับการเคลื่อนไหวอยู่ เมื่อสมองสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหวขณะนั่งอยู่บน Limbic Chair ร่างกายที่ขยับเขยื้อนอยู่นั้น จะส่งต่อให้เก้าอี้สั่งการไปยังเกมคอนโซล และควบคุมเกมได้โดยไม่ต้องใช้มือกด เท่ากับว่า เก้าอี้จะทำหน้าที่เป็นตัวป้อนข้อมูล (input) และสั่งการต่อไปยังส่วนอื่นๆ นั่นเอง

.

ซึ่งการที่ Limbic Chair สามารถสั่งการสิ่งต่างๆ ได้เช่นนี้ ก็นับเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า movement ของร่างกายเราสามารถทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทำงานได้เร็วกว่าการใช้มือควบคุม

.

กว่าจะออกมาเป็น Limbic Chair ให้ใช้งานกันได้อย่างทุกวันนี้ ต้องอาศัยประสบการณ์และการศึกษา Insight อยู่นานหลายปี ก่อนจะลงมือผลิต ซึ่งปัจจุบัน Künzler ก็กำลังคิดค้นดีไซน์ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาเก้าอี้ตัวนี้ให้กลายเป็นสินค้าที่ mass มากขึ้น เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง

.

โดยในปี ค.ศ. 2016 Schätti AG Metallwarenfabrik (Schätti) ได้เข้ามาช่วย Limbic Life ในส่วนงานดีไซน์และพัฒนาโปรดักส์ ด้วยความที่มีประสบการณ์ด้านการดีไซน์โปรดักส์หลากหลายชนิด เช่น เก้าอี้ เครื่องทำกาแฟเอสเปรสโซ กระดานไวท์บอร์ดเคลื่อนที่ และโคมไฟ LED จึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโปรดักส์ของ Limbic Life ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ทีม Limbic Life ยังได้เรียนรู้กระบวนการขึ้นรูปโลหะแผ่น การใช้งานเครื่อง CNC เทคนิคการเช่ือมเลเซอร์ รวมถึงการ teaching เครื่องจักร ฯลฯ จาก Schätti จนนำไปสู่การสร้างโปรดักส์ได้มากขึ้น จาก 20 ไปจนถึง 20,000 ชิ้น

.

ทีม Limbic Life เลือกใช้ซอฟต์แวร์ Solid Edge เข้ามาช่วยในการออกแบบ ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย และทำความเข้าใจง่าย จึงช่วยให้ทีมทำงานง่ายขึ้น และที่สำคัญ Solid Edge ยังช่วยให้เป้าหมายในการพัฒนา Limbic Chair กลายเป็นจริงขึ้นได้ ด้วยการสร้างเบาะชนิดใหม่ที่ผลิตขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ จึงมีความเป็น universal design เหมาะกับผู้ใช้งานทุกคน และในอนาคต เบาะนั่งนี้จะถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการฉีดขึ้นรูปพลาสติก ซึ่งได้ซอฟต์แวร์ NX เข้ามาช่วยในการพัฒนาโปรดักส์

.

สำหรับข้อมูลสำคัญทั้งหมดของโปรเจคนี้ จะถูกเก็บไว้ในโปรแกรม Teamcenter ซึ่งมีข้อมูลครบ ทั้งข้อมูลด้านการดีไซน์ ชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต ข้อมูลการจัดการ ฯลฯ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดึงเอาข้อมูลเหล่านี้มาใช้ได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ

.

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Limbic Chair ทำหน้าที่ควบคุมเกมคอนโซลได้ ซึ่งเกมที่ว่านี้เป็นเกมที่สร้างขึ้นโดยทีมเทคนิคของ Limbic Life เป็นเกมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานเชื่อมต่อกับ Limbic Chair ที่ทั้งสนุกและเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับผู้เล่น มีวิธีการทำงานโดยเริ่มจากเซนเซอร์ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวของ Limbic Chair และรับข้อมูลเพื่อไปประมวลผลผ่านไมโครคอมพิวเตอร์ที่ฝังอยู่ในตัวเก้าอี้ จากนั้น จึงส่งต่อข้อมูลออกไปผ่าน USB และ Wi-fi

.

ซึ่งเมื่อมีไอเดียดีๆ อยู่ในมือแล้ว ทีม Limbic Life จึงไม่พลาดที่จะใช้เทคนิคที่ตนคิดค้นขึ้นได้ เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับบรรดา Developer ที่ต้องการใช้ Limbic Chair ในการควบคุมเกมของตนอีกด้วย

.

ด้วยความล้ำสมัยของเทคโนโลยีทุกวันนี้ การทำงานของมนุษย์เราจึงจำเป็นต้องใช้อวัยวะหลักๆ อยู่เพียงไม่กี่อย่าง นั่นก็คือ ตา สมอง และมือ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอวัยวะเหล่านี้จะถูกใช้งานอย่างหนักตลอดทั้งวัน Limbic Chair จึงนับเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยลดการใช้งานของอวัยวะดังกล่าว และยังช่วยลดความเครียดในการทำงานได้ด้วย

.

Limbic Chair ผ่านการวิจัยมาแล้วว่าสามารถใช้ควบคุมเครื่องมือทางการแพทย์ได้ ตัวอย่างเช่น ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่อง MRI โดยเริ่มจากการที่จักษุแพทย์สแกนม่านตา และสร้างโมเดลขึ้นใน Solid Edge จากนั้นจึงแปลงโมเดลที่ได้ ไปสร้างเป็น VR Model โดยใช้ Limbic Chair นั่นหมายความว่า ภาพที่ได้จากการสแกนจะถูกควบคุมโดยการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ที่ใช้งาน Limbic Chair นั่นเอง

.

นอกจากนี้ Limbic Chair ยังสามารถใช้ควบคุม ซูมเข้า ซูมออก หรือ rotate โมเดล 3D ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์ 3D ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้มือเพื่อทำงานในส่วนอื่นไปได้พร้อมๆ กัน อย่างการใส่ Annotation ผ่านคีย์บอร์ด, กำหนดจุดเฉพาะที่สำคัญในตัวโมเดล หรือกรอกข้อมูล BOM ซึ่งผู้ใช้งาน Solid Edge ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ในจุดนี้จาก Limbic Chair เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดยไม่ทำลายสุขภาพของตนอีกด้วย

 

 

ติดต่อขอใบเสนอราคา, DEMO หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

02-079-1814 กด 1

inbox : http://m.me/HSSTfanpage

LINE@: https://line.me/R/ti/p/@vti0035r

https://hitachisunway-thailand.co.th